วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ชอบ




ชื่อ - สกุล:พัชราภา ไชยเชื้อ
ชื่อเล่นอั้ม
วันเกิด:5 ธันวาคม 2521
สถานะ:โสด อายุ:32 ปี
ส่วนสูง: 168 ซม.
น้ำหนัก:46 กก.
ประเภทดารา:ดาราและนักแสดง
การศึกษา ประถมศึกษาโรงเรียนสตรีวรนารถ บางเขน
มัธยมโรงเรียนดัดดรุณี จ.ฉะเชิงเทรา
ปริญญาตรีมหาวิทยาลัยรังสิต
งานอดิเรก ฟังเพลง ช็อปปิ้งเสื้อผ้า เข็มขัด รองเท้า
สิ่งที่ชื่นชอบ ชอบสีดำกับชมพู
กีฬาว่ายน้ำ
ถูกใจสยามแสควร์
ชอบคาราโอเกะเพลงช้าของมาช่า มาลีวัลย์
ชอบเพลงปาน-ธนพร เพลงเก่งคือเพลงอย่าปล่อยให้เขาเห็นน้ำตา
ชอบเพลงบูโดกัน เพลงรักจนตัดใจ
ชอบเพลงพี่แหวน เพลงดาวกระดาษ ของปนัดดา
ชอบท่องเที่ยวตามธรรมชาติ เช่น ไปดำน้ำ เที่ยวทะเล ชมน้ำตก
ศิลปินที่ชอบ ชไมพร จตุรภุช
นักกีฬาต้อง ไทเกอร์ วู้ดส์
นักการเมืองปลื้ม คุณชวน หลีกภัย
นักร้อง มาช่า
นิสัยส่วนตัว ร่าเริง
เสป็ก ต้องเป็นคนดี ใจดี เอาใจเก่ง ต้องเข้าใจกัน พร้อมจะให้อภัยกันเมื่ออีกฝ่ายทำผิด
ที่อยู่ 72/519 หมู่ 16 ถนนสุวินทวงศ์ แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ 10510
รางวัล ปี 1997 รางวัลชนะเลิศ MISS HACK ประจำปี 1997
ปี 2545 รางวัล ดูเร็กซ์ โกบอล เซ็กส์ 2002 ในฐานะสาวเซ็กซี่แห่งปี 2545 จัดโดย ดูเร็กซ์
ปี 2546 รางวัล ดูเร็กซ์ โกบอล เซ็กส์ 2003 ในฐานะสาวเซ็กซี่แห่งปี 2546 จัดโดย ดูเร็กซ์
ปี 2547 รางวัล TOP AWARDS ในฐานะนักแสดงนำฝ่ายหญิงยอดเยี่ยม ประจำปี 2546 จากละครเรื่อง โซ่เสน่หา ทางช่อง 7 โดยเป่า จิน จง จัดโดย นิตยสาร ทีวีพูล
อาหารที่ชอบ ส้มตำ, ไก่ย่าง,ข้าวหมูทอด ข้าวมันไก่
สัตว์ที่ชอบ สุนัข มีเลี้ยงอยู่ 5 ตัว ตัวโปรดชื่อ กัปตัน

เพลง



เนื้อเพลง: Way Back into Love
ศิลปินรับเชิญ: Haley Bennett
I've been living with a shadow overhead
ฉันอาศัยอยู่กับเงา

I've been sleeping with a cloud above my bed
ฉันหลับไปพร้อมกับปัญหาที่ลอยอยู่บนเตียงของฉัน

I've been lonely for so long
ฉันอาศัยอย่างเดียวดายมานานเกินไปแล้ว

Trapped in the past, I just can't seem to move on
อยู่ติดกับอดีต ดูเหมือนว่า ฉันไม่สามารถที่จะเคลื่อนย้ายมันไปได้

I've been hiding all my hopes and dreams away
ฉันซ่อนความหวังและความฝันทุกๆอย่างให้หมดไป

Just in case I ever need em again someday
ในกรณีนี้ บางวัน ฉันต้องการพวกมันอีกครั้ง

I've been setting aside time
ฉันตั้งเวลาสำรองไว้เรียบร้อยแล้ว

To clear a little space in the corners of my mind
เพื่อที่จะเคลียร์พื่นที่เล็กๆในเสี้ยวหัวใจของฉัน

All I want to do is find a way back into love
ทั้งหมดที่ฉันต้องการคือหาทางที่จะเข้าไปในหัวใจให้ย้อนกลับมา

I can't make it through without a way back into love
ฉันไม่สามารถทำมันได้ เมื่อปราศจากทางที่จะเข้าไปในหัวใจให้ย้อนกลับมา

Oh oh oh
โอ โอ โอ้

I've been watching but the stars refuse to shine
ฉันนั่งเฝ้ามองดูแต่พวกดวงดาวก็ไม่ส่องแสงซักที

I've been searching but I just don't see the signs
ฉันค้นหาแต่ฉันก็มองไม่เห็นร่องรอยอะไรเลย

I know that it's out there
ฉันรู้ มันหายไปจากที่นี่แล้ว

There's got to be something for my soul somewhere
มันจะมีอะไรซักอย่างเกิดขึ้นสำหรับจิตวิญญาณของฉัน

I've been looking for someone to shed some light
ฉันมองหาใครบางคนที่จะให้แสงสว่างกับฉัน

Not somebody just to get me through the night
ไม่ใช่ใครบางคนที่แค่พาฉันผ่านคืนหนึ่งๆไป

I could use some direction
คนที่ฉันสามารถใช้คำสั่งบางอย่างได้

And I'm open to your suggestions
และฉันจะเปิดรับข้อเสนอของคนนั้น

All I want to do is find a way back into love
ทั้งหมดที่ฉันต้องการคือหาทางที่จะเข้าไปในหัวใจให้ย้อนกลับมา

I can't make it through without a way back into love
ฉันไม่สามารถทำมันได้ เมื่อปราศจากทางที่จะเข้าไปในหัวใจให้ย้อนกลับมา

And if I open my heart again
และถ้าฉันเปิดใจอีกครั้ง

I guess I'm hoping you'll be there for me in the end
ฉันคิดว่า ฉันหว้งว่าคุณจะอยู่ที่นั่นสำหรับฉันในที่สุด

oh, oh, oh, oh, oh
โอ โอ โอ โอ โอ โอ้

There are moments when I don't know if it's real
นั่นคือชั่วขณะที่ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นความจริงรึเปล่า

Or if anybody feels the way I feel
หรือทุกๆคนก็รู้สึกเหมือนฉัน

I need inspiration
ฉันต้องการแรงบันดาลใจ

Not just another negotiation
ไม่ใช่แค่การเจรจาต่อรอง

All I want to do is find a way back into love
ทั้งหมดที่ฉันต้องการคือหาทางที่จะเข้าไปในหัวใจให้ย้อนกลับมา

I can't make it through without a way back into love
ฉันไม่สามารถทำมันได้ เมื่อปราศจากทางที่จะเข้าไปในหัวใจให้ย้อนกลับมา

And if I open my heart to you
และถ้าฉันเปิดใจสำหรับคุณ

I'm hoping you'll show me what to do
ฉันหวังว่า คุณจะแสดงให้ฉันเห็นว่าควรทำยังไง

And if you help me to start again
และถ้าคุณช่วยฉันในเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

You know that I'll be there for you in the end
ในที่สุด คุณก็จะรู้ว่าฉันอยู่ที่นั่นสำหรับคุณ

oh, oh, oh, oh, oh
โอ โอ โอ โอ โอ้

การเมือง





การเตรียมการเปลี่ยนแปลง
คณะราษฎรได้มีการประชุมเตรียมการหลายครั้ง รวมถึงได้มีการล้มเลิกแผนการบางแผนการ เช่น การเข้ายึดอำนาจในวันพระราชพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาซึ่งตรงกับวันที่ 16 มิถุนายน แต่เนื่องจากมีความเสี่ยงสูง จนกระทั่งสุดท้ายได้ข้อสรุปว่าจะดำเนินการในเช้าวันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ซึ่งเป็นช่วงที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับที่วังไกลกังวล ทำให้เหลือข้าราชการเพียงไม่กี่คนอยู่ในกรุงเทพทำให้สามารถหลีกเลี่ยงการปะทะรุนแรงที่เสียเลือดเนื้อได้

ในการวางแผนดังกล่าวกระทำที่บ้าน ร.ท. ประยูร ภมรมนตรี ในวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2475 โดยมีเป้าหมายสำคัญในการวางแผนควบคุมสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต ซึ่งเป็นผู้สำเร็จราชการรักษาพระนคร โดยมีการเลื่อนวันเข้าดำเนินการหลายครั้งเพื่อความพร้อม


หมุด ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ มีข้อความว่า "...ณ ที่นี้ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ เวลาย่ำรุ่ง คณะราษฎร ได้ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญ เพื่อความเจริญของชาติ"หลังจากนั้นยังได้มีการประชุมกำหนดแผนการเพิ่มเติมอีกที่บ้านพระยาทรงสุรเดช โดยมีการวางแผนว่าในวันที่ 24 มิถุนายนจะดำเนินการอย่างไร และมีการแบ่งงานให้แต่ละกลุ่ม แบ่งออกเป็น 4 หน่วยด้วยกัน คือ

หน่วยที่ 1 ทำหน้าที่ทำลายการสื่อสารและการคมนาคมที่สำคัญ เช่น โทรศัพท์ โทรเลข ดำเนินการโดยทั้งฝ่ายทหารบกและพลเรือน ทหารบกจะทำการตัดสายโทรศัพท์ของทหาร ส่วนโทรศัพท์กลางที่วัดเลียบมี นายควง อภัยวงศ์ นายประจวบ บุนนาค นายวิลาศ โอสถานนท์ ดำเนินการ โดยมีทหารเรือทำหน้าที่อารักขา ส่วนสายโทรศัพท์และสายโทรเลขตามทางรถไฟและกรมไปรษณีย์เป็นหน้าที่ของ หลวงสุนทรเทพหัสดิน หม่อมหลวงอุดม สนิทวงศ์ หม่อมหลวงกรี เดชาติวงศ์ เป็นต้น ซึ่งหน่วยนี้ยังรับผิดชอบคอยกันมิให้รถไฟจากต่างจังหวัดแล่นเข้ามาด้วย โดยเริ่มงานตั้งแต่เวลา 06.00 น.
หน่วยที่ 2 เป็นหน่วยเฝ้าคุม โดยมากเป็นฝ่ายพลเรือนผสมกับทหาร ทำหน้าที่ควบคุมตัวเจ้านายและบุคคลสำคัญต่าง ๆ เช่น สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต จากวังสวนผักกาดมายังพระที่นั่งอนันตสมาคม พระประยุทธอริยั่น จากกรมทหารบางซื่อ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการวางแผนให้เตรียมรถยนต์สำหรับลากปืนใหญ่มาตั้งเตรียมพร้อมไว้ โดยทำทีท่าเป็นตรวจตรารถยนต์อีกด้วย โดยหน่วยนี้ดำเนินงานโดย นายทวี บุณยเกตุ นายจรูญ สืบแสง นายตั้ว ลพานุกรม หลวงอำนวยสงคราม เป็นต้น โดยฝ่ายนี้เริ่มงานตั้งแต่เวลา 01.00 น.
หน่วยที่ 3 เป็นหน่วยปฏิบัติการเคลื่อนย้ายกำลัง ซึ่งทำหน้าที่ประสานทั้งฝ่ายทหารบกและทหารเรือ เช่น ทหารเรือจะติดไฟเรือรบ และเรือยามฝั่ง ออกเตรียมปฏิบัติการณ์ตามลำน้ำได้ทันที
หน่วยที่ 4 เป็นฝ่ายที่เรียกกันว่า "มันสมอง" มี นายปรีดี พนมยงค์ เป็นหัวหน้า ทำหน้าที่ร่างคำแถลงการณ์ ร่างรัฐธรรมนูญ และหลักกฎหมายปกครองประเทศต่าง ๆ รวมทั้งการเจรจากับต่างประเทศเพื่อทำความเข้าใจภายหลังการปฏิบัติการสำเร็จแล้ว
แม้ว่าทางคณะราษฎรจะพยายามที่ทำลายหลักฐานต่าง ๆ แล้ว ยังมีข่าวเล็ดรอดไปยังทางตำรวจ ซึ่งได้ออกหมายจับกลุ่มผู้ก่อการ 4 คน คือ หลวงประดิษฐ์มนูธรรม พ.ต. หลวงพิบูลสงคราม ร.ท. ประยูร ภมรมนตรี และ นายตั้ว ลพานุกรม อย่างไรก็ตามเมื่อนำเข้าแจ้งแก่สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต ก็ถูกระงับเรื่องไว้ก่อน เนื่องจากไม่ทรงเห็นว่าน่าจะเป็นอันตราย และให้ทำการสืบสวนให้ชัดเจนก่อน

[แก้] การยึดอำนาจในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 คณะราษฎร ได้ใช้กลลวง นำทหารบกและทหารเรือมารวมตัวกันบริเวณรอบ พระที่นั่งอนันตสมาคม ประมาณ 2000 คน ตั้งแต่เวลาประมาณ 5 นาฬิกา โดยอ้างว่าเป็นการสวนสนาม จากนั้นนายพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา ได้อ่าน ประกาศคณะราษฎร ฉบับที่ ๑ ณ บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า เสมือน ประกาศยึดอำนาจการปกครอง ก่อนจะนำกำลังแยกย้ายไปปฏิบัติการต่อไป

หลักฐานประวัติศาสตร์ในเหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นหมุดทองเหลือง ฝังอยู่กับพื้นถนน บนลานพระบรมรูปทรงม้า ด้านสนามเสือป่า

[แก้] พระปฏิสันถารระหว่างสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต กับ ร้อยโทประยูร ภมรมนตรี
ในเวลาประมาณ 08.00 น. ของเช้าวันที่ 24 มิถุนายน 2475 นั้น ที่ทาง ร.ท.ประยูรร่วมกับ พ.ต.หลวงพิบูลสงครามทำหน้าที่ควบคุมตัวเจ้านายระดับสูงและบุคคลสำคัญต่าง ๆ มาไว้ในพระที่นั่งอนันตสมาคม ในส่วนของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต พระองค์ทรงมีพระปฏิสันถารกับ ร.ท.ประยูร ผู้ที่ทำการควบคุมพระองค์ไว้ ดังปรากฏในหนังสือเบื้องแรกประชาธิปไตย ที่เขียนโดย ร.ท.ประยูร เอง

ความตอนหนึ่งว่า

เวลา 08.00 น. วันที่ 24 มิ.ย. หลวงพิบูลสงครามและคณะ ได้นำจอมพลสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์...มาในรถถัง ส่งให้ที่หน้าประตูพระที่นั่งอนันตสมาคม

ข้าพเจ้าถวายคำนับ เชิญเสด็จฯ ทรงจ้องข้าพเจ้าด้วยพระเนตรดุเดือด

ตรัสว่า "ตาประยูร แกเอากับเขาจริง ๆ พระยาอธิกรณ์ประกาศ บอกฉันไม่เชื่อ ฉันตั้งชื่อทำขวัญให้แกเมื่อเกิด ฉันเลี้ยงแกมาตั้งแต่เด็ก โกรธฉันที่ไม่ไปเผาศพพ่อแกใช่ไหม"

ข้าพเจ้าเร่งให้เสด็จลงจากรถถัง ทรงสำทับถาม "จะเอาฉันไปไหน อย่าเล่นสกปรกนะ" เมื่อเข้าไปประทับในที่ประทับด้านหน้า ข้าพเจ้าสำนึก วางปืนก้มกราบขอพระราชทานอภัย

ทรงรับสั่งถาม "ใครเป็นหัวหน้า พระองค์บวรเดชใช่ไหม?"

"ยังกราบทูลไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ" ทรงกริ้ว รับสั่งหนักแน่นว่า "ตาประยูร แกเป็นกบถ โทษถึงต้องประหารชีวิต"

ทรงรับสั่งถามต่อไป "พวกแกที่ยึดอำนาจนี้ ต้องการอะไร มีความประสงค์อะไร ต้องการปาลีเมนต์ มีคอนสติติวชั่นใช่ไหม" ข้าพเจ้ากราบทูลว่า "ใช่"

ทรงนิ่งชั่วครู่ แล้วรับสั่งถามว่า "แล้วมันจะดีกว่าที่เป็นอยู่เวลานี้หรือ ตาประยูร"

"อารยประเทศทั่วโลกก็มีปาลีเมนต์กันทั่วไป ยกเว้นอาบิสซีเนีย" ข้าพเจ้ากราบทูล

ทรงถามว่าข้าพเจ้าอายุเท่าไร เมื่อข้าพเจ้ากราบทูลว่า 32 ก็รับสั่งว่า "เด็กเมื่อวานซืนนี้เอง นี่แกรู้จักคนไทยดีแล้วหรือ แกจะต้องเจอปัญหาเรื่องคน พระราชวงศ์จักรีครองเมืองมา 150 ปีแล้ว รู้ดีว่าคนไทยนี่ปกครองกันได้อย่างไร อ้ายคณะของแกจะเข็นครกขึ้นเขาไหวรึ"

ทรงถามถึงการศึกษา เมื่อกราบทูลว่าเรียนรัฐศาสตร์จากปารีส ทรงสำทับ "อ้อ มีความรู้มาก แกรู้จักโรเบสเปีย มารา และกันตอง เพื่อนน้ำสบถฝรั่งเศสดีแน่ ในที่สุดมันผลัดกันเอากิโยตีน เฉือนคอกันทีละคน จำได้ไหม ฉันสงสาร ฉันเลี้ยงแกมา นี่แกเป็นกบถ รอดจากอาญาแผ่นดิน ไม่ถูกตัดหัว แต่จะต้องถูกพวกเดียวกันฆ่าตาย แกจำไว้"

ข้าพเจ้ากราบทูลว่า "ตามประวัติศาสตร์ มันจะต้องเป็นเช่นนั้น"


[1]

[แก้] ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์สังคม
อาจกล่าวได้ว่า "กบฏ ร.ศ. 130" เป็นแรงขับดันให้คณะราษฎร ก่อการปฏิบัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยภายหลังการยึดอำนาจแล้ว พระยาพหลพลพยุหเสนาได้เชิญผู้นำการกบฏ ร.ศ. 130 ไปพบและกล่าวกับ ขุนทวยหาญพิทักษ์ (เหล็ง ศรีจันทร์) ว่า "ถ้าไม่มีคณะคุณ ก็เห็นจะไม่มีคณะผม" และหลวงประดิษฐ์มนูธรรมก็ได้กล่าวในโอกาสเดียวกันว่า "พวกผมถือว่าการปฏิวัติครั้งนี้เป็นการกระทำต่อเนื่องจากการกระทำเมื่อ ร.ศ. 130" [2]

หนังสือพิมพ์ รายงานเหตุการณ์
กองกำลังของคณะราษฎร ถ่าย ณ บริเวณหน้าวังปารุสกวัน
ประชาชนหลั่งไหลเข้ามาดูเหตุการณ์ ณ ลานพระราชวังดุสิต

การศึกษาต่อ




นิติศาสตร์
นิติศาสตร์ เป็นวิชาที่ศึกษาเรื่องกฎหมาย หรืออาจกล่าวได้ว่ามีกฎหมายเป็นวัตถุของการศึกษา ซึ่งศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ ได้ใช้คำภาษาอังกฤษแทนวิชานิติศาสตร์ว่า "science of law"
การศึกษานิติศาสตร์
วิชานิติศาสตร์สามารถแบ่งออกเป็นหลายแขนงได้ตามแง่มุมที่ศึกษา ซึ่งอาจสามารถแบ่งออกได้เป็น
• วิชานิติศาสตร์โดยแท้ (legal science proper) ได้แก่ การศึกษาตัวบทกฎหมายซึ่งเป็นเนื้อหากฎหมาย และนิติวิธีหรือวิธีการใช้กฎหมายเพื่อนำไปใช้ปรับใช้แก่คดีและประกอบวิชาชีพนักกฎหมาย
• นิติศาสตร์ทางข้อเท็จจริง (legal science of facts) เป็นการศึกษากฎหมายในฐานะที่เป็นข้อเท็จจริงที่มีอยู่ในประวัติศาสตร์หรือในสังคม โดยไม่ประเมินคุณค่าว่าถูกหรือผิด เช่น วิชาประวัติศาสตร์กฎหมาย และวิชาสังคมวิทยากฎหมาย
• นิติศาสตร์เชิงคุณค่า (legal science of values) เป็นการศึกษากฎหมายในเชิงวิจารณ์เปรียบเทียบและประเมินคุณค่า เช่น วิชากฎหมายเปรียบเทียบ และวิชานิติบัญญัติ
การศึกษากฎหมายในระดับที่มีความสัมพันธ์กับปรัชญา จะถูกเรียกว่าวิชา นิติปรัชญา หรือ philosophy of law
[แก้] หลักนิติศาสตร์
หลักนิติศาสตร์ (Jurisprudence) คำดังกล่าวในภาษาอังกฤษ เป็นคำเก่าที่ใช้ตั้งแต่สมัยโรมัน โดยมาจากภาษาลาตินว่า jurisprudentium มีรากศัพท์จาก "juris" แปลว่า กฎหมาย และ "prudntium" แปลว่า ความฉลาด ซึ่งรวมแล้วแปลว่า "ความรู้กฎหมายหรือวิชากฎหมาย" โดยในประมวลกฎหมายของพระเจ้าจัสติเนียน จะกล่าวไว้ในมูลบทนิติศาสตร์ฉบับที่แปลเป็นภาษาอังกฤษแล้วว่า "jurisprudence is the knowledge of things devine and human; the science of the just and the unjust".
อย่างไรก็ตาม jurisprudence ยังคงมีการใช้ในความหมายพิเศษอีก ได้แก่
• Jurisprudence ในภาษาฝรั่งเศส ย่อมาจากคำว่า jurisprudence constant หมายถึง ความรู้กฎหมายที่เกิดจากแนวคำพิพากษาของศาล เป็นคำตรงข้ามกับ doctrine ซึ่งหมายถึง กฎหมายที่สอนในตำรากฎหมาย
• Jurisprudence เป็นชื่อวิชาเฉพาะที่สอนในโรงเรียนกฎหมายในอังกฤษ ซึ่งเริ่มก่อตั้งโดย John Austin เมื่อ ค.ศ. 1828-1832 ในมหาวิทยาลัยลอนดอน ซึ่งมีคำสอนว่ากฎหมาย คือ คำสั่งของรัฐาธิปัตย์ และถูกนำเข้ามาในประเทศไทยโดยเสด็จในกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์
[แก้] การเรียนการสอนนิติศาสตร์ในประเทศไทย
ในปี พ.ศ. 2440 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ได้ทรงก่อตั้ง "โรงเรียนกฎหมาย" ขึ้นในกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเปิดการเรียนการสอนโดยคณาจารย์ส่วนใหญ่เป็นตุลาการ ต่อมา จึงมีการยุบโรงเรียนกฎหมายไปจัดตั้งเป็น "คณะนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์" ขึ้นที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2476 หลังจากนั้นเพียง 8 เดือน นักเรียนโรงเรียนกฎหมาย กระทรวงยุติธรรมเดิม ไม่พอใจที่ทำไมโรงเรียนข้าราชการพลเรือน (ปัจจุบันคือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ได้ยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัย แต่ทำไมโรงเรียนกฎหมายจึงไม่ได้ยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัยบ้าง ดร.ปรีดี พนมยงค์ จึงรับปากว่าจะช่วย และในที่สุดจึงมีการออกพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง ให้โอนคณะนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไปสังกัดมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง ซึ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ ปัจจุบัน คือ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงอาจกล่าวได้ว่าการโอนโรงเรียนกฎหมายไปสังกัดคณะนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นการโอนไปเพียงชั่วคราวเท่านั้น ทำให้คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นคณะนิติศาสตร์แห่งแรกของประเทศไทย อันสืบทอดโดยตรงจากโรงเรียนกฎหมายเดิม และเมื่อปี พ.ศ. 2494 ได้มีการจัดการเรียนการสอนนิติศาสตร์ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอีกครั้งใน คณะรัฐศาสตร์ ก่อนที่จะพัฒนามาเป็น คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ. 2515 และมีการก่อตั้ง คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ต่อมาในปี พ.ศ. 2514 ปัจจุบัน มีสถาบันอุดมศึกษาได้เปิดการเรียนการสอนในสาขาวิชานิติศาสตร์ในหลายสถาบันทั้งในภาครัฐและเอกชน

ความรัก




เรื่องราวความรักน่ารักๆ...ที่อาจจะทำให้คุณเผลอยิ้ม

อ่านแล้วห้ามอมยิ้มนะ

โปรดใช้หัวใจของคุณอ่านด้วยความความเข้าใจและยินดี!!

เรื่องราวของคู่รักคู่หนึ่งที่คบกันมานาน 10 ปี

เขาทั้งคู่มีวิธีรักษาความสัมพันธ์ของความรักได้เก๋ทีเดียว



ลองอ่านดู...เผื่อเรื่องราวนี้อาจจะสร้างแรงบันดาลใจในการประคับประคองความรัก

และทำให้คุณคิดจะหันกลับไปมองดูคู่รักที่คุณเคยเบื่อ เคยรำคาญ และเคยอยากจะเลิก



เรื่องราวมีอยู่ว่า.............................

ผู้หญิงคนนี้คบกับแฟนมา 5 ปี และแต่งงานกันอีก 5 ปี

วันหนึ่ง เธอขับรถกลับบ้านซึ่งปกติก้อจะโทรถามเขาทุกวันว่ากลับมาบ้านหรือยัง

เธอนึกสนุกๆ ว่าเขาจะกลับมาก่อนเธอมั้ยนะ

แล้วก้อคิดว่า "คงไม่มั้ง”



พอมาถึงบ้านก้อเก็บข้าวของลงจากรถตามปกติ

พอเดินเข้าไปในบ้านปุ๊บเธอก้อเจอลูกโป่งลอยเต็มไปหมด

หนึ่งในนั้นมีซองจดหมายผูกติดอยู่สองซอง

ซองแรกเขียนไว้ว่า "เปิดผมก่อน"

แล้วก้อมีข้อความเขียนว่า

"ให้เดินไปกดสเตอริโอ แล้วเปิด CD ถาดที่ 1

หลังจากนั้นให้นั่งลงอ่านจดหมายอีกฉบับ "

เธอทำตามอย่างนึกขำ แล้วเพลง " I love you for sentimental reason” ก้อดังขึ้น

เพลงนี้เป็นเพลงโปรดของคนทั้งคู่ตลอดกาลเธอเคยขอให้เขาร้องให้ฟังบ่อยๆ



พอเธอเปิดจดหมายอีกฉบับก้อมีโน้ตจากเขาเขียนว่า........

"ผมหลงรักคุณมาสิบปีเต็มวันนี้ก้อยังรักคุณเหมือนวันแรกที่รักและอยากบอกรักคุณอีกครั้ง "



โปรดทำตามคำแนะนำต่อไปนี้.......

1.อาบน้ำให้สบายที่สุดด้วยครีมอาบน้ำกลิ่นนี้จากผม

หลับตาแล้วนึกถึงความรู้สึกในวันเก่าๆ ของเรา ว่าคุณตื่นเต้นแค่ไหนเวลาออกเดทกับผม

2. แต่งตัวสบายๆ ใส่เสื้อยืดลายการ์ตูนที่คุณชอบกับกางเกงยีนส์

แล้วก้อรองเท้าผ้าใบ เพราะคุณดูเป็นตัวเองที่สุดแล้วผมก้อหลงรักคุณในชุดนั้น

3. ออกจากบ้านตอนหนึ่งทุ่มตรง ขับรถไปเรื่อยๆ

ผ่านเซเว่นหน้าปากซอย เลี้ยวซ้ายหยุดตรงป้ายรถเมล์ป้ายแรก

คุณจะเจอชายหนุ่มหน้าตาดี ยืนยิ้มรอคุณอยู่

อย่ามาสายล่ะ

คืนนี้จะเป็นอีกคืนของเราสองคนออกเดทกันอีกครั้ง

จาก...ผม"



ความรักคงไม่ใช่สิ่งที่ดูเลวร้ายและเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสของชีวิตอีกต่อไป

หากเราและคนรักจะก้าวออกมาจากทิฐิที่มีต่อกัน

ลองหันกลับไปมองดูกำแพงที่ก่อเอาไว้แล้วหยิบค้อนขึ้นมาเสียตั้งแต่ตอนนี้เลย

ทุบกำแพงที่กั้นกลางความเข้าใจนั้นซะ

แล้วคุณกับคนรักจะเจออะไรบางอย่าง

การ์ตูน




มิกกี้ เมาส์
มิกกี้ เมาส์ (อังกฤษ: Mickey Mouse)เจ้าหนูที่ครองใจเด็กๆทั่วโลก มีลักาณะเป็นหนูสีดำ สวมกางเกงเอี๊ยมสีแดง ถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2471 โดยวอลต์ ดิสนีย์และอับ ไอเวิร์กส ให้เสียงโดยวอลต์ ดิสนีย์
จุดกำเนิดของมิกกี้ เมาส์ เกิดขึ้นขณะที่วอล์ต ดิสนีย์ นั่งอยู่บนรถไฟระหว่างทางมุ่งสู่ลอสแอนเจลิส เขาลงมือสเก็ตช์ภาพคาแรกเตอร์หนูเล็ก ๆ สวมกางเกงสีแดง ขึ้นมา โดยมีอับ ไอเวิร์กสออกแบบรูปร่างลักษณะ การ์ตูนเสียงเรื่องแรก "Steamboat Willie" เข้าฉายที่ New York's Colony Theatre โดยทางนิวยอร์กไทม์เขียนไว้ว่า "เป็นผลงานที่มีความคิดสร้างสรรค์เยี่ยมยอดและสนุก"
บุคลิกของมิกกี้ เมาส์คือ มองโลกในแง่ดี มีความกระตือรือร้น ถ่อมตัวและเรียบง่าย ซื่อสัตย์ ชอบร้องอุทาน "Gosh" หรือบางครั้งก็ "Oh boy!", "Aw-Gee" ,"Uh-Oh!" ชอบอ่าน Newsweek, time, Life, National Geographic, Good Housekeeping มีหวานใจชื่อว่ามินนี่เมาส์ซึ่งเป็นตัวการ์ตูนที่ครองใจเด็กๆทั่วโลกเช่นกัน นอกจากนี้มิกกี้เมาส์ยังมีสุนัขสีน้ำตาลแสนรัก ชื่อว่า พลูโตที่เป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ ฉลาดและแสนรู้

เรื่องแปลก